เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 เวลา 18.00 น. ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางด้านอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (รรท.ผบช.สอท.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบช.สอท.) พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจสอบสวนกลาง 3 (รรท.ผบก.สอท.3) พล.ต.ต.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา (ผบก.ภจว.สงขลา) พ.ต.อ.บรรเทิง เหล่าเจริญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา (ผกก.สภ.เมืองสงขลา) ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาในคดีขบวนการหลอกลวงให้ลงทุน ซึ่งเชื่อมโยงกับเครือข่ายการจำหน่ายอาวุธปืนออนไลน์

.
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. เปิดเผยว่า จากกรณีมีผู้เสียหายถูกหลอกชักชวนให้ลงทุนผ่านระบบออนไลน์ และมีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้กับกลุ่มผู้ต้องหาผ่านเพจ (ที่เปิดขึ้นเพื่อหลอกให้มีการลงทุน) หลังจากมีการสืบสวน สอบสวน สามารถออกหมายจับผู้ต้องหา ได้จำนวน 6 ราย จากนั้นตำรวจไซเบอร์ได้ติดตาม จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ทราบว่าผู้ต้องหามีภูมิลำเนาและพักหลบซ่อนตัวอยู่ในจังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา จึงได้ประสานงานกับตำรวจยะลาและตำรวจสงขลา เปิดปฏิบัติการตรวจค้นจับกุม ในวันที่ 10 ธันวาคม 2567 สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ จำนวน 4 ราย และพบความผิดซึ่งหน้าอีก 2 ราย

.
การจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดสงขลา สถานที่เข้าไปตรวจค้นจับกุม พบว่าบ้านพักผู้ต้องหามีการผลิตอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พบเครื่องมือในการผลิต/ อาวุธปืนที่ผลิตและดัดแปลง รวมจำนวนทั้งสิ้น 18 กระบอก อีกทั้งผู้ต้องหาในกลุ่มดังกล่าว เคยเป็นผู้ต้องหาในคดีก่อเหตุความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นคดีฆ่าคนตาย ทำร้ายร่างกาย และยังเกี่ยวกับคดีการกระทำความผิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย

.
จากพฤติการณ์ข้างต้น แสดงให้เห็นว่ากลุ่มดังกล่าวมีการเปิดเพจหลอกลวงพี่น้องประชาชนให้มาลงทุนออนไลน์ ภายหลังจากนั้นได้มีการนำเงินที่ได้จากการหลอกลวงมาผลิตอาวุธปืนจำหน่าย ซึ่งตำรวจกำลังทำการสืบสวนร่วมกับตำรวจสืบจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าได้มีการส่งอาวุธปืนหรือเงินไปสนับสนุนก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนหรือไม่ เนื่องจากว่ามีประวัติการกระทำความผิด

.
ภายหลังจากการปฏิบัติการครั้งนี้ในส่วนของการหลอกลวงประชาชน ซึ่งเป็นคดีหลักที่ได้ดำเนินการสืบสวน จับกุมและขยายผลในเรื่องของอาวุธปืนและยาเสพติด ซึ่งเป็นความผิดซึ่งหน้า ส่วนในเรื่องความผิดเกี่ยวกับการหลอกลวงพี่น้องประชาชนในระบบออนไลน์ ทางตำรวจไซเบอร์จะได้มีการขยายผลว่ามีผู้เสียหายมาแจ้งความทั้งหมดกี่ราย โอกาสนี้จึงขอประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชน หากถูกขบวนการดังกล่าวหลอกลวงให้ลงทุน ขอให้มาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจะได้มีการขยายผลตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป สำหรับคดีดังกล่าวมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 7 แสนบาท






.
พล.ต.ท.ไตรรงค์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันภัยอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะการหลอกลวงให้ลงทุน หรือข่มขู่ให้กลัวจนต้องโอนเงินไปให้คนร้ายเกิดขึ้นจำนวนหลายคดี เฉลี่ยวันละกว่า 1,000 คดี ขณะนี้ทาง ท่าน ผบ.ตร. ได้รับนโยบายจากท่านนายกรัฐมนตรี ในการลดความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมจากพี่น้องประชาชน เราได้ทำแอปพลิเคชัน “Cyber Check” ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัญชี ยูอาร์แอล หรือข้อความที่มีการหลอกลวงและมีการมาแจ้งความ ร้องเรียนไว้ทางศูนย์ 1441 หากท่านโหลดแอพพลิเคชั่นดังกล่าว เมื่อมีหมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัญชี หรือข้อความต่าง ๆ ที่ส่งไปถึงท่านและหากสงสัยว่าจะเป็นลิงก์ที่มีการหลอกลวงหรือไม่ สามารถเช็คผ่านแอปพลิเคชันได้เลย




.
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนตระหนัก เรียนรู้ และเท่าทัน โดยท่านผบ.ตร. ได้สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์ทำการปรับปรุงแบบทดสอบให้ความรู้แก่พี่น้องประชาชน หรือ “ไซเบอร์วัคซีน” พร้อมทั้งรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนเข้ามาทำแบบทดสอบ ในวันที่ 15 ธันวาคม นี้ จึงขอเชิญชวนทุกท่านเข้ามาทำแบบทดสอบ เพื่อที่ทุกท่านจะได้รับความรู้ มีวัคซีนในการป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ พล.ต.ท.ไตรรงค์ฯ กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามรายละเอียดได้ที่ BKR News
ลงข่าวและโฆษณาโทร 098 – 8796292
www.bkrnews.com
